Leica M10 โดย พี่หาว

รีวิว Leica M10

ภาพจาก https://us.leica-camera.com/Photography/Leica-M/Leica-M10
บทความนี้อย่าถือว่าเป็น Review จริงจังเลยนะครับ กลัวว่าจะไปทำให้กล้องดี ๆ เขาเสื่อมเสียใครจริงจังแนะนำว่าให้ไปนั่งดู “รายการคืนความสุข” แล้วพยายามหาสาระเอาจากตรงนั้น วันนี้ไป Centrals World กับครอบครัว และติดไฟ LED ไปให้คุณใหญ่ใช้สำหรับทำรายการ พอคุณใหญ่ได้ไฟปุ๊ป ก็ลืมกล้อง Leica M10 ปั๊ป ทิ้งไว้ให้พี่หาวเอาไปถ่ายเล่นหลายชั่วโมง จนจะกลับบ้านนั่นแหละแกเพิ่งจะนึกได้ว่าไฟที่เอาไปมูลค่า 50 ดวงรวมกันถึงจะเท่ากล้อง leica M10 ติดเลนส์ 35mm F2 Summicron ASPH ตอนแรกกะว่าหวานแล้วเชียว … แม๊ เอาเป็นว่าใช้เวลากับกล้องตัวนี้ไม่นาน ใช้ถ่ายภาพแถว ๆ นั้น นิด ๆ หน่อย ๆ ก็เลยนำประสบการณ์มาเล่าให้ฟังเล็ก ๆ น้อย ๆ

Leica M10 ตัวนี้ราคาสองแสนกว่าบาท ส่วนเลนส์ไม่รู้ราคา ลองเปิดหาใน Google ดู ตัวกล้องเรียบง่ายไม่มีอะไร มีโน่น นิด นี่หน่อยให้ปรับไม่กี่อย่างต่างกับกล้องสมัยนี้ที่หาปีกมาใส่ ก็บังคับพาไปสุดขอบจักรวาลได้กล้องตัวนี้เป็นกล้องที่รู้สึกได้ถึงความหนาแม้ว่าจะพยามยามออกแบบมาลดความหนาจากรุ่นก่อนมาแล้วก็ตาม … แต่ก็ยังหนาอยู่ดี ถ้าใครรู้สึกว่าไม่ใช่ให้ไปหันหน้ายืนเถียงกับกำแพงเวลาจับถือเมื่อเทียบกับขนาด รูปทรง จะรู้สึกว่าเป็นกล้องที่มีน้ำหนักพอสมควรเลยนะคือความรู้สึกที่ได้เห็นก่อนจะยกขึ้นมา เรากะว่ามันน่าจะเบากว่านี้
แต่ก็ไม่ได้หนักอะไรมากนะครับ แค่บรรยายความรู้สึกให้ได้รับทราบ
ตัวกล้องไม่ได้ออกแบบมาเข้ามือแบบกล้องสมัยใหม่
เขาออกแบบมาเพื่อรักษาความเป็น M เอาไว้
อยากได้อะไรใหม่ ๆ ไปรุ่น SL โน่น
อันนี้เหมือนรถออกแบบมาคลาสสิคย้อนยุค
เล่นกับความรู้สึกของผู้ใช้งาน สมบูรณ์แบบมากมันไม่ท้าทาย
ไม่มีสวิตช์หรือวงแหวนปรับ Mode ต้องรู้จักสร้างความสัมพันธ์ของ Speed Shutter รูรับแสง และ ISO เพื่อสร้าง Mode การถ่ายภาพตามแบบกล้องสมัยใหม่
ก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไรสำหรับคนที่เข้าใจเรื่องหลักการพื้นฐานอะไรพวกนี้
แต่ถ้ามือใหม่รับรองว่า กว่าจะใช้งานได้ต้องใช้เวลาหลายเดือน
กล้องตัวนี้มือใหม่พยายามอยู่ห่าง ๆ ไว้ก่อน
แต่ถ้ามีตังค์จริง ๆ ภรรยาเป็นคนใจดีมีเมตตา
จะซื้อมาวางไว้ แล้วซื้อกล้องถ่ายภาพทั่วไปมาฝึกฝน
พอเริ่มชำนาญ ค่อยมาวุ่นวายกันมันอีกทีก็ได้
ที่แนะนำว่าให้ซื้อมาวางเลย ไม่ต้องรอ
เพราะรู้ไง … ว่าคนมีตังค์ก็อยากใช้ตังค์
จะบอกให้ไปซื้อทอง 50 บาท มาห้อยคอก็คงจะไม่แล้วใจ
ซื้อ ๆ ไปให้จบ ๆ จะได้ไม่ต้องคิดถึงมันอีก
กลับมาที่ Leica M10 ปุ่มข้างหลังดูเรียบง่าย มีอยู่ไม่กี่ปุ่ม
เมนูยิ่งแล้วใหญ่ เพราะถ้าเทียบกับกล้องสมัยนี้ถือว่ามีให้ตั้งค่าน้อยมาก
แต่พอใช้แล้วรู้สึกดีนะ มีให้เท่าที่จำเป็น
กล้องสมัยนี้เมนูมันเยอะขนาดที่ว่า เอาไปเป็นหัวข้อทำวิทยานิพนธ์ได้
จะเยอะอะไรนักหนา ให้มาสำหรับคนทั่วไปก็ปรับอยู่ไม่อย่าง
จะขายเมนูคืนเพราะไม่ค่อยได้ใช้ก็ไม่มีใครรับซื้อ
สมัยก่อนจอ LCD ของ Leica ไม่ต้องคาดหวังอะไรมาก
พอมองออกว่าเป็นภาพก็นับว่าเป็นกุศลแล้ว
แต่ตัว M10 นี่ถือว่าทำได้ดีพอสมควรนะครับ พัฒนาขึ้นมามาก
ความสามารถในการแสดงผลอาจจะไม่ถึงกับกล้องสมัยใหม่
แต่ก็ใช้งานได้ดีไม่ได้ติดขัดอะไร
(จริง ๆ M10 มันก็เป็นกล้องสมัยนี้ แต่จอมันจะขุ่น ๆ หน่อย)
การเปิดใช้งานทำได้รวดเร็ว ไม่ต้องรออะไรมาก
กล้องตัวนี้เป็น Range Finder ปกติจะใช้การโฟกัสผ่านทางช่องมองภาพแบบ Optic ที่มองเข้าไปแล้วค่อนข้างใหญ่ ชัดเจนดี
และตัวช่วยโฟกัสจะเป็นแบบ Split เลื่อนตามแนวนอน
หมุนเลื่อนระยะโฟกัสที่ตัวเลนส์
ไม่ต้องกดปุ่มชัตเตอร์ไปครึ่งนึงเพื่อโฟกัสนะครับ
เพราะมันเป็น Manual ซึ่งการไม่ต้องกดปุ่มชัตเตอร์ครึ่งนึงก่อนถ่าย
มันเป็นอารมณ์ที่สะใจใช้ได้เลยนะ
เพราะเป็นการตัดสินใจกดทีเดียวเพื่อบันทึกภาพ
การกดถ่ายแต่ละครั้งให้ความรู้สึกเด็ดขาดดี ใช่ไม่ใช่รู้กันไปเลย
แต่ M10 ก็มี Mode Live view นะครับ
กดเข้าง่ายด้วยจากปุ่มข้างจอด้านหลัง
สามารถใช้วิธีมองผ่าน LCD จัด Compostion แล้วโฟกัสผ่านตรงนั้นก็ได้
เพราะมีระบบขยายจุดที่เราต้องการโฟกัสขึ้นมาให้เราเห็น
และมี Peaking ให้ด้วยลองใช้ดูก็สะดวกรวดเร็วดี
แต่จะให้ได้ความรู้สึกจริง ๆ ก็ต้องโฟกัสผ่านทางช่องมองภาพ
ตั้งจิตให้มั่น เล็งเข้าไป หมุน ๆ ๆ ใช้เวลาชีวิตกับตรงนั้นให้เต็มที่
ยึดหลัก "อิทธิบาทสี่" ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา
นั่นแหละคือการเข้าถึงจิตวิญญาณการโฟกัสของ Leica M
"อะไรได้ที่มาง่าย ๆ มันไม่มีค่า"
… นี่คือปรัชญาที่แฝงไว้ในการผลิตกล้องเยอรมันค่ายนี้
ข้างบนนี่เขียนเล่น ๆ คนที่ใช้ Leica อย่าโกรธเค้านะ … ดีกัน ดีกัน เดี๋ยวเขียนให้อ่านต่อ
จริง ๆ ก็ไม่ได้ยากอะไรหรอกครับ แถมเป็นเสน่ห์ของกล้องตัวนี้ด้วยซ้ำ
เหมือนมีแรงปรารถนาบางอย่างที่ทำให้เราอยากใช้งาน
เรียบง่าย ไม่มีอะไรซับซ้อน แต่ก็ยังอุตส่าห์มี WiFi ส่งผ่านข้อมูลเข้า Smartphone ได้
ภาพที่ส่งมาจะแตก ๆ หน่อย
พอให้เพื่อน ๆ ใน Facebook สงสัย ว่า
ไอ้นี่มันถ่ายจาก Nokia 3310 แล้วเอามาโม้ว่าเป็น Leica เหมือนพวกขายครีมเช่าพวกมาลัยปอเช่ร์ถ่ายรูปรึเปล่า

ตอนเอาไปเดินถ่ายรูปแรก ๆ ดูรูปแล้วไม่เห็นมันจะเป็น Leica ตรงไหน มันก็เหมือนกับกล้องทั่วไปถ่ายมานั่นแหละ
แต่สักพักพอจับจุดได้ทีนี้ Leica มาเลยครับ
มวลสารต่าง ๆ จะอัดแน่นอยู่ในรูปของเราเต็มไปหมด
รูปของเราจะดูเหมือนสิ่งศักดิ์สิทธิ์อัลลอยมาก ๆ
ยากที่จะหากล้องใดทำได้เสมอเหมือน
ไอ้ที่เขาพูดกันมันเป็นอย่างนี้ ไม่ได้มโนไปเอง อย่างที่หลายคนคิด
คือจะให้เป็น Leica มันต้องถ่ายแบบ Leica ครับ
องค์ประกอบ แสง มิติของภาพต้องได้ แล้วความเป็น Leica มันจะมาปรากฏให้เห็นเอง
เวลาถือกล้องตัวนี้ออกไปถ่ายสักพักเราจะมองเห็น
ว่ามุมแบบไหน แสงแบบไหน เทพเจ้าจะลงมาสิงสถิตย์ในภาพของเรา
แต่ถ้าเป็นมือใหม่จะ Get ยากหน่อยนะครับ
ต้องคนที่ถ่ายภาพมาแล้วพอสมควร ถึงพอที่จะจับจุดได้
และมันยังบิดได้อีกนะครับ ไม่ใช่แต่จะนัว ๆ อึน ๆ กันอย่างเดียว
จะถ่ายแบบใส ๆ แต่ยังมีความเป็น Leica ก็ได้
ทำความเข้าใจสักพักก็จะมองเห็น
ซึ่งมันเป็นการถ่ายภาพที่ท้าทายพอสมควร ส่วนตัวคิดว่าตรงนี้เองที่เป็นเสน่ห์
คือมันไม่ใช่ถ่ายอะไรก็ได้เหมือนกล้องสมัยใหม่ ซึ่งสวยใสได้ไม่ยาก
แต่มันคือการค้นหาสิ่งที่ใช่ และพอมันใช่แล้ว มันจะใช่จริง ๆ นะ
นอกจากจะใช่แล้วก็ยังแตกต่างจากภาพที่ได้จากกล้องอื่น ๆ ทั่วไปด้วย
เหมือนนักมวยที่เลือกออกหมัด ไม่ได้สะเปะสะปะไปทั่ว
แต่ถ้าจังหวะได้ ออกแล้วโดนก็ร่วงเลย
แต่ไฟล์เมื่อเทียบกับมาตรฐานของกล้อง Full frame สมัยนี้ ไม่ได้ถือว่าดีอะไร
สำหรับหลายคนฟังดูแล้วอาจจะสับสน
ไหนลุงเพิ่งพูดหยก ๆ ว่ายากจะหาสวรรค์วิมานอะไรมาเทียบ
คือมันต้องแยกแยะกันหลายชั้นหน่อย … ยากที่จะอธิบายให้เข้าใจได้
คิดว่ามันเป็นเรื่องของไสยศาสตร์ก็ได้ครับ จะได้จบ ๆ
ใต้โรงงาน Leica อาจมีต้นตะเคียนอายุ 3 พันปี ฝังอยู่
คือลุงก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงเหมือนกัน
กลับมาที่เรื่องไฟล์ 1600 นี่ Noise เห็นชัด
แต่ก็มีความเป็นธรรมชาติใช้ได้ เป็น Granule น่ารัก
ชอบเวลาเห็น Noise ของกล้องตัวนี้ ผสมกับฉากหลังที่ละลายอยู่
มันช่วยทำให้ภาพดูไม่เลี่ยน แบบสวยใสจนเกินไป
แต่ก็ไม่ใช่เป็นแบบ Noise ทำลายภาพจนดูไม่ดี
ส่วนถ้าใครจะเถียงว่ากล้องตัวละสองแสนกว่าจะไม่มี Noise เลย อันนั้นไม่ใช่แระ
ถ้ายังยืนยันมั่นใจ เดี๋ยวจะขยายใหญ่ ๆ เอาไปแปะไว้หน้าบ้าน
White Balance วูบ ๆ วาบ ๆ กดชัตเตอร์แต่ละครั้งมีความอินดี้ รักความอิสระ
ขนาดถ่าย RAW มานั่งแก้ยังมึน
ถ่ายในแสงทังสเตนท์ แล้วจะพยายามแก้สกินโทนแบบที่เขานิยม
อันนั้นถือว่าเป็นความฝันลม ๆ แล้ง ๆ อย่างนึง
ไม่ใช่ทำไม่ได้นะ ทำพอได้แต่ว่ามันต้องใช้ความเข้าใจ และใช้เวลา
เรื่องวัดแสงก็เหมือนกัน แล้วแต่พี่เขาจะกรุณา
กด Frame เดียวกันส่วนใหญ่ไม่มีปัญหา
แต่ก็มีแบบสว่างบ้าง มืดบ้าง ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ขยับอะไร (แต่อันนี้ไม่ได้เป็นบ่อย)
ส่วน Dynamic Range เราจะไม่พูดถึง เพราะมันไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรของกล้องตัวนี้
เพราะแม้ว่า DR มันไม่ได้กว้างเป็นแม่น้ำดานู๊บ แต่โทนกลาง ๆ มันไล่ดี
ส่วนของ Shadow และ กลาง ๆ ดูเหมาะสมทำให้ภาพดูมีมิติ
Highlight หลุดบ้างก็ช่างแม่งเหอะ เพราะโทนภาพโดยรวมมันใช่
คือไฟล์ของกล้องตัวนี้เอามาตรฐานกล้อง Full Frame ทั่วไปมาวัด
คงไปฟาดฟันอะไรกับเขาไม่ได้
แต่ถ้าเลือกถ่ายที่ใช่ อะไรก็เอาไม่อยู่
ตอนแรกเอาไฟล์ Import มาทำบน Lightroom ทำไปสักพักรู้สึกว่าไม่ใช่เท่าไหร่
เพราะว่ามันให้ไฟล์ที่ไม่ค่อยเคลียร์ และไม่คมอย่างที่ต้องการ
ก็เลยใช้ Capture One Pro 11 ทำ
เห็นความแตกต่างเรื่องที่ว่าพอสมควร
แต่ถ้าอยากได้สีแบบอึน ๆ
ใช้ Preset พวกแนวดาร์ค ๆ หน่อย บน Lightroom น่าจะออกมาสวย
ภาพที่ลงประกอบในชุดนี้แก้สี แก้แสงมาพอสมควรนะครับ
เพราะไฟล์ RAW ต้นฉบับจะดูชืด ๆ หน่อย
ต่างจากโทนที่ได้บน Jpeg หลังกล้องบ้าง
แต่เอามาทำแล้วก็ได้อย่างที่เห็น
ก็สนุกดีนะครับสำหรับการใช้งาน Leica M10 แบบ ฉุกละหุก
มีโอกาสก็ว่าจะไปหามาลองนาน ๆ อีกซัก 300 ที
เพราะการเดินตามหา Scene ที่ใช่ แล้วถ่ายมา
มันเหมือนปล่อยหมัดแล้วโดนจัง ๆ สะใจใช่เลยประมาณนั้น
แต่ระยะเลนส์ที่ใช้วันนี้ ยังไม่โดนซะทีเดียว
คิดว่าที่ใช่สำหรับสไตล์ที่อยากถ่ายกับกล้องตัวนี้น่าจะประมาณ 50mm มากกว่า
แล้วหา 24 28 35 75 90 มาติดกระเป๋าไว้ …
ไปหละขอไปนอนก่อน เพราะพรุ่งนี้มีงานสำคัญต้องทำ
นอนไม่พอ ฝันไม่เห็นตัวเลข เดี๋ยวผลประกอบการจะออกมาไม่ดี
ขอขอบคุณคุณใหญ่ SnapTech Zone ที่ให้ยืมกล้องที่ใช้แล้วรู้สึกประทับใจตัวนี้มาก ๆ
บทความนี้ถ้าผิดพลาดประการใด เขียนแล้วไม่ถูกอกถูกใจใคร
ก็ให้โทษคุณใหญ่ที่ให้ยืมแล้วกันนะครับ

ที่มา:  [ Leica M10 นิด ๆ หน่อย ๆ ]
Leica M10 โดย พี่หาว Leica M10 โดย พี่หาว Reviewed by @monrudee on May 09, 2018 Rating: 5

No comments:

Powered by Blogger.